แรงกดดันและความท้าทายของ "อลอนโซ่" ในบทบาทใหม่ที่เรอัล มาดริด

ชาบี อลอนโซ่ เตรียมประเดิมคุมทัพ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด นัดแรกในศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ พบกับ อัล ฮิลาล คืนวันพุธนี้ ท่ามกลางแรงกดดันมหาศาล แม้เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่สัปดาห์
อดีตกองกลางลิเวอร์พูล วัย 43 ปี ต้องเผชิญปัญหาหนักตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อการซ้อมครั้งแรกมีนักเตะชุดใหญ่เพียง 3 คน เนื่องจากอาการบาดเจ็บและภารกิจทีมชาติ ทำให้การเตรียมทีมเป็นไปอย่างจำกัด
ศิษย์ของกุนซือระดับตำนาน
อลอนโซ่แจ้งเกิดในสายงานผู้จัดการทีมกับเรอัล โซเซียดัด ชุดสำรอง ก่อนพาไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ฤดูกาลที่ผ่านมา ทำลายสถิติแชมป์ 11 ปีของบาเยิร์น มิวนิก จนได้รับความไว้วางใจจากฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานเรอัล มาดริด ให้กลับมาพลิกโฉมทีมที่ดูอ่อนแรงภายใต้ยุคของคาร์โล อันเชล็อตติ
วิคเตอร์ ซานเชซ เดล อาโม อดีตปีกทีมชาติสเปน เชื่อว่า อลอนโซ่มีพื้นฐานแน่นจากการได้เรียนรู้จากกุนซือระดับโลกอย่าง อันเชล็อตติ, มูรินโญ่, กวาร์ดิโอลา, ราฟา เบนิเตซ และ เดล บอสเก้
ภารกิจหนักในบ้านที่คุ้นเคย
แม้จะเป็นอดีตนักเตะขวัญใจแฟนบอลและเคยค้าแข้งที่เบร์นาเบวถึง 5 ปี แต่อลอนโซ่ไม่ได้รับสิทธิ์ให้ล้มเหลว “มาดริดคือสโมสรที่ทุกถ้วยสำคัญ ทุกการแข่งขันเป้าหมายคือแชมป์” เดล อาโมเตือน พร้อมเสริมว่าความกดดันยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะไม่มีโค้ชชาวสเปนคนไหนประสบความสำเร็จกับทีม นับตั้งแต่ยุคเดล บอสเก้ในปี 2002
เชื่อมความต่างของสองเจน
อลอนโซ่พยายามสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้เล่น ซึ่งอาจเป็นข้อได้เปรียบสำคัญ เพราะเขามีอายุใกล้เคียงกับนักเตะชุดปัจจุบันมากกว่าอันเชล็อตติถึง 23 ปี และด้วยชื่อเสียงจากการเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์จอมวางบอลที่ดีที่สุดในยุคของเขา ก็ยิ่งทำให้ลูกทีมให้ความเคารพ
ปัญหาแท็คติกยังรอการแก้
ในแง่แท็คติก อลอนโซ่ต้องหาวิธีประสานงานสองซูเปอร์สตาร์อย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ และคีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่ชอบเล่นในพื้นที่เดียวกัน และดูขาดเคมีร่วมกันในฤดูกาลที่ผ่านมา อีกหนึ่งภารกิจใหญ่คือการยกระดับแนวรับที่มีปัญหาบาดเจ็บเรื้อรัง โดยจะมีนักเตะทีมชาติอังกฤษเป็นกำลังหลัก
แม้ภารกิจดูจะหนักหนา แต่ในถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว นี่คือความคาดหวังที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากอลอนโซ่ผ่านมันไปได้ เขาอาจกลายเป็นกุนซือชาวสเปนผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของทีมอีกครั้ง

